วันจันทร์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ประวัติความเป็นมาของปลาทอง

     ปลาทองเป็นปลาที่รู้จักกันดีในชื่อว่าปลาเงินปลาทอง เป็นปลาสวยงามประเภทแรก ๆ ที่มีคนนิยมเลี้ยงกันมาก ซื้อหาได้ทั่วไป ปลาทองเป็นปลาที่อยู่ในวงศ์ ไซไพร์นิดี้ Cyprinidae เป็นปลาที่อยู่ในตระกูลเดียวกับ ปลาไน , ปลาตะเพียน และปลาคาร์พ จัดเป็นปลาวงศ์ใหญ่ที่สุด มีชนิดของปลาอยู่กว่า 2000 ชนิด ปลาทองมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า คาราเซียส ออราตัส Carassius auratus หรือมีชื่อเรียกทางภาษาอังกฤษว่า โกลด์ฟิช Goldfish เป็นที่รู้จักกันดีในประเทศจีน ซึ่งเป็นประเทศถิ่นฐานดั่งเดิมของปลาทอง แต่ก่อนชาวจีนนิยมเลี้ยงปลาไน หรือปลาหลีฮื้อ ไว้เพื่อเป็นอาหาร แต่เกิดการกลายพันธุ์เปลี่ยนลักษณะรูปร่างออกไปจากเดิม บางท่านอาจคิดว่าจะเป็นไปได้หรือนี่ ปลาทองเกิดจากการผ่าเหล่าจากปลาไน และนั้นก็คือความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ครั้งก่อนชาวจีนจำแนกปลาทองออกเป็น 
2 ประเภท คือ ปลาทองที่อาศัยอยู่ตามธรรมชาติ เรียกว่า ไชยู Chi yu และปลาทองที่เลี้ยงไว้ตามบ้าน เรียกว่า ชินไชยู Chin chi yu ปลาทองที่อาศัยอยู่ตามธรรมชาตินั้นมีสีเทาไม่สวยงามเหมือนปลาทองที่เลี้ยง ไว้ตามบ้านที่มีสีสันสวยงามกว่า ชาวจีนเป็นชนชาติแรกที่รู้จักปลาทองและเป็นชาติแรกที่เริ่มเพาะพันธุ์ปลาทอง แต่ทั้งนี้ไม่ทราบได้ว่าเริ่มเพาะพันธุ์กันตั้งแต่เมื่อใด จากการที่เพาะเลี้ยงกันเป็นเวลานานได้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยมา จากการคัดสายพันธุ์ที่ดูแปลกและสีสันที่สดใส ปลาทองเป็นปลาที่นิยมแพร่หลาย ไปจนทั่วประเทศจีน ไม่ว่าคนจีนจะย้ายถิ่นฐานไปที่ใดก็จะนำปลาทองติดสอยห้อยตามไปด้วย เพราะความเชื่อด้าน    ฮวงจุ้ยและการที่ปลาสามารถป้องกันภัยให้ผู้เลี้ยงได้

 การแพร่หลายของปลาทองได้ขยาย ไปในต่างประเทศ จากการที่คนจีนอพยพย้ายถิ่นฐาน และจากการที่ประเทศจีนได้มีการติดต่อทำการค้ากับต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นทวีปเอเซียด้วยกัน เช่น ญี่ปุ่น อินเดีย ไทย เป็นต้น อีกทั้งยังแพร่ไปยังทวีปยุโรป และทวีปอเมริกา ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ปลาทองเป็นที่สนใจแพร่หลายไปทั่วเพราะความแปลกใหม่ทั้ง รูปทรงสีสัน จากวิวัฒนาการของปลาทองเองและการพัฒนาของนักเพาะพันธุ์ รวมถึงภูมิประเทศที่เพาะเลี้ยง มีการคัดสายพันธุ์ใหม่ ๆ เพาะพันธุ์เรื่อยมาทำให้ปลาทองมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากทั้งด้านลักษณะ รูปทรง และสีสันที่มีความฉูดฉาดมากขึ้น ปลาทองเป็นปลาที่เลี้ยงง่าย โตไว กินอาหารได้ทั้งพืช และสัตว์ แม้กระทั้งอาหารสำเร็จรูป

*****************************************

สาระคดีปลาทอง




http://www.thailandgoldfish.com/portal.php

สายพันธุ์ของปลาทอง

ฮอลันดา
1. กลุ่มที่มีครีบหลัง ได้แก่ ฮอลันดา , ริวกิ้น , แพนด้า, เกล็ดแก้ว เป็นต้น

ฮอลันดา(Oranda)เป็นสายพันธุ์ของปลาทองชนิดหนึ่งที่เกิดจากการนำปลาทองสายพันธุ์ริวกิ้น และสายพันธุ์หัวสิงห์มาผสมกัน มันมีถิ่นกำเนิดในประเทศจีน ปลาทองฮอรันดานี้เป็นปลาทองที่มีความนิยมสูงในประเทศไทย เนื่องจากว่ามีราคาถูก เลี้ยงง่ายและมีสีสันสวยงาม ลักษณะของปลาทองชนิดนี้คือครีบทุกครีบจะยาวและใหญ่ มีครีบที่ตั้งตรง หางแผ่บาง ส่วนลำตัวจะยาวกว่าปลาทองสายพันธุ์ริวกิ้น และหางสิงห์


ริวกิ้น

ริวกิ้น (Ryukin) เนื่องจากปลาทองริวกิ้นเป็นปลาทองที่มีหางยาวเป็น พวงสวยงามมากเป็นพิเศษ (ดูคล้ายริบบิ้นแพรลูกไม้) ดังนั้นจึงมีชื่อเรียกอันหมายถึงหางยาวเป็น ส่วนใหญ่ สำหรับในประเทศญี่ปุ่นบางแห่งก็นิยมเรียกว่า Onaga ซึ่งก็มีความหมายเช่นเดียวกันคือ หางยาว และปลาทองริวกิ้นจัดว่าเป็นปลาที่ได้รับความนิยมอย่างสูง ในประเทศญี่ปุ่นไม่แพ้ปลาทองพันธุ์หัวสิงโต


แพนด้า

แพนด้า (Panda) ปลาทองสายพันธุ์นี้เป็นที่นิยมในประเทศจีน เป็นปลาทองสายพันธุ์ลักเล่ที่ได้มีการลอกสีที่ลำตัวจนกลายเป็นสีขาวหรือสีเงิน ส่วนครีบต่าง ๆ จะมีสีดำลักษณะคล้ายหมีแพนด้า ซึ้งสายพันธุ์นี้จะมีลักษณะไม่คงที่เพราะจะมีการลอกสีไปเลื่อย ๆ ดวงตาจะโปนออกมาทั้งสองข้าง หางจะบานออกเหมือนฮอลันดา


เกล็ดแก้ว



เกล็ดแก้ว (Pearl scales) ปลาทองเกล็ดแก้วมีลักษณะลำตัวอ้วนกลมสั้น ส่วนท้องป่องออกทั้งสองข้าง หัวมีขนาดเล็ก ปากแหลม ลักษณะเด่นที่เกล็ด คือ เกล็ดหนามากและนูนขึ้นมาจนเห็นเป็นเม็ดกลม ๆ ทั้งลำตัวที่หัวอาจมี วุ้น หรือไม่มีก็ได้ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ที่พัฒนามา




2. กลุ่มที่ไม่มีครีบหลัง ได้แก่ สิงห์ญี่ปุ่น , สิงห์ลูกผสม  , สิงห์ดำตามิด  เป็นต้น

สิงห์ญี่ปุ่น
สิงห์ญี่ปุ่น (Ranchu) เป็นปลาทองที่ มีลำตัวที่อ้วนหนา ดูบึกบึน แข็งแรง ไม่มีครีบหลัง ดูแลคล้ายกับรันชูหรือสิงห์จีนมาก แต่ทว่าสิงห์ญี่ปุ่นจะมีส่วนหัวที่เล็กกว่า ไม่มีวุ้นบนหัวหรือมีแต่ก็น้อยกว่า ลำตัวสั้น หลังโค้งมน หางสั้นและเชิดขึ้น แลดูสง่า ปลาทองสิงห์ญี่ปุ่นที่สวยงามนั้น ต้องมีส่วนหลังที่โค้งมนเป็นรูปครึ่งวงกลม เหมือนไข่ผ่าซีก ดูจากด้านข้างแล้วลำตัวปลาะต้องกว้าง หัวไม่ทิ่มหรือต่ำลงไป การว่ายน้ำต้องทำได้อย่างสมดุล มีสง่างาม




สิงห์ลูกผสม

สิงห์ลูกผสม (Lionhead - Ranchu) เป็นปลาทองสายพันธุ์หนึ่งที่ได้รับความนิยมในการเลี้ยงเป็นปลาสวยงามเป็นปลาทองที่ได้รับการพัฒนาสายพันธุ์ขึ้นมาภายในประเทศไทย โดยการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างปลาทองสิงห์ญี่ปุ่นและปลาทองสิงห์จีน ทำให้ได้ชื่อว่าสิงห์ลูกผสม มีลักษณะก่ำกึ่งระหว่างสิงห์ญี่ปุ่นและสิงห์จีน ในปัจจุบันเป็นสายพันธุ์ได้รับความนิยมมากในประเทศไทย



สิงห์ดำตามิด

สิงห์ดำตามิด หรือ สิงห์สยาม (Black siam) เป็นปลาทองสายพันธุ์หนึ่ง ที่ได้รับความนิยมเลี้ยงในปัจจุบัน มีลักษณะเด่นคือ ลำตัวสีดำสนิททั้งตัวไม่เว้นแม้กระทั่งส่วนท้อง ส่วนหัวมีก้อนเนื้อที่เรียกว่า วุ้น ขนาดใหญ่และปิดจนมิดมองไม่เห็นลูกตา ลักษณะส่วนอื่นทั่วไปก็คล้ายกับสายพันธุ์หัวสิงห์ คือ ครีบทุกครีบสั้น ไม่มีครีบหลัง โคนหางใหญ่ แข็งแรง




ตัวอย่างปลาทองสิงห์ลูกผสม



วันพุธที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2556

การเพาะพันธุ์ปลาทอง

ก่อนที่จะมาเพาะพันธุ์ปลาทองเราก็ต้องรู้วิธีการดูเพศของปลาทองกันก่อนว่าแบบไหนถึงเป็นตัวผู้ แบบไหนจะเป็นตัวเมีย

ความแตกต่างลักษณะเพศของปลาทองนั้น ถ้าจะดูจากลักษณะภายนอกของลำตัวแล้วจะไม่พบความแตกต่างกัน   การแยกเพศจะทำได้ก็ต่อเมื่อปลาสมบูรณ์เพศ คือ เป็นปลาโตเต็มวัยแล้ว ซึ่งต้องเลี้ยงไว้ประมาณ 6 - 8 เดือน   เมื่อปลาสมบูรณ์เพศแล้วปลาเพศผู้จะเกิด ตุ่มสิว (Pearl Organ หรือ Nuptial Tubercles) ซึ่งเป็นตุ่มหรือจุดเล็กๆสีขาว เกิดขึ้นบริเวณก้านครีบอันแรกของครีบอก และบริเวณกระพุ้งแก้ม  ซึ่งถ้าสังเกตุดีๆจะพอเห็นได้ และมักจะเกิดเด่นชัดเมื่อถึงฤดูผสมพันธุ์ของปลาทอง แต่ในช่วงนอกฤดูกาลผสมพันธุ์  เช่นในฤดูหนาว หรือปลาไม่มีความพร้อมทางเพศ   ตุ่มสิวนี้จะมีขนาดเล็กสังเกตุได้ยาก แต่ก็สามารถแยกเพศได้โดยการใช้มือลูบเบาๆที่ครีบอก ถ้าเป็นปลาทองเพศผู้จะรู้สึกสากมือเนื่องจากมีตุ่มสิวดังกล่าว แต่ถ้าเป็นปลาเพศเมียจะรู้สึกว่าครีบอกนั้นจะลื่น นอกจากนั้นถ้าปลามีความพร้อมในการผลมพันธุ์ คือปลาเพศเมียมีไข่แก่ และปลาเพศผู้มีน้ำเชื้อสมบูรณ์ ถ้าจับที่บริเวณท้องของเพศเมียจะรู้สึกว่าค่อนข้างนิ่ม และที่ช่องเพศจะขยายตัวนูนสูงขึ้น ส่วนปลาเพศผู้ถ้าลองรีดที่บริเวณท้องลงไปทางช่องเพศ จะเห็นว่ามีน้ำเชื้อซึ่งเป็นสีขาวขุ่นคล้ายน้ำนมไหลออกมาเล็กน้อยได้

ลักษณะของปลาเพศผู้ แต่ถ้าเป็น เพศเมีย จะไม่มีตุ่มดังกล่าว

เมื่อเราได้รู้วิธีการดูเพศของปลาทองแล้ว ต่อมาจะเป็นการเพาะพันธุ์ปลาทอง การเพาะพันธุ์ปลาทองนั้นมี 2 วิธี คือ 1.การผสมแบบธรรมชาติ  2. การผสมกึ่งธรรมชาิติ (ผสมเทียม)

1.การผสมแบบธรรมชาติ เป็นวิธีการเพาะพันธุ์ปลาทองแบบง่ายและประหยัด คือการปล่อยพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ที่สมบูรณ์ผ่านการคัดเลือกไว้ ให้ผสมพันธุ์กันเอง โดยตัวผู้จะไล่ตอดตัวเมียเพื่อให้ไข่หลุดออกมาจากท้องตัวเมีย หลังจากนั้นจะทำการฉีดน้ำเชื้อเข้าผสมไข่ที่หลุดออกมา ในบ่อผสมพันธุ์ควรจะมีพันธุ์ไม้น้ำ เช่น สาหร่ายหรืออาจจะใช้เชือกฟางฉีกเป็นฝอยเพื่อให้ไข่ปลาเกาะติด เพื่อป้องกันการกินไข่ของพ่อแม่ปลาทองนั่นเอง ส่วนระยะเวลาในการผสมพันธุ์ อาจใช้เวลาถึง 3 ชั่วโมง ปลาจึงวางไข่หมด โดยปริมาณไข่จะขึ้นอยู่กับขนาดของแม่ปลา


2.การผสมกึ่งธรรมชาติ (ผสมเทียม) เป็นวิธีที่จะทำให้ได้อัตราการฟักไข่สูงกว่าการเพาะพันธุ์โดยวิธีธรรมชาติ แต่ขั้นตอนจะยุ่งยากกว่า หลังจากที่เตรียมอ่างเพาะหรือบ่อเพาะปลาแล้ว ให้ตรวจความพร้อมของแม่ปลา ซึ่งหากแม่ปลาพร้อมวางไข่ ท้องจะป่อง ๆ นิ่ม ๆ จากนั้นก็ทำการรีดไข่ โดยให้เตรียมกะละมังขาวใส่น้ำสะอาด (ปราศจากคลอรีน) นำแม่พันธุ์มาอยู่ในกะละมัง พยายามจับเบา ๆ อย่าให้แม่ปลาทองตกใจ จากนั้นให้นำพ่อปลาทองมาใส่รวมกัน เมื่อแม่ปลาหายตื่นตกใจให้เริ่มทำการรีดไข่ปลา 

ทั้งนี้ ขั้นตอนการรีดไข่ ปลาทอง ต้องทำอย่างรวดเร็วและนุ่มนวล เพราะปลาอาจบอบช้ำถึงตายได้ เมื่อรีดไข่ปลาเสร็จแล้วให้รีบคลุกเคล้าไข่กับน้ำเชื้อให้เข้ากัน เพื่อให้น้ำเชื้อของปลาตัวผู้ไปผสมกับไข่ของปลาตัวเมียได้อย่างทั่วถึง จากนั้นล้างไข่ด้วยน้ำสะอาด 1-2 ครั้ง เมื่อไข่ถูกน้ำจะดูดซึมน้ำเข้าไปในเซลล์และมีสารเหนียว ๆ ทำให้ไข่ติดกับกาละมัง โดยไข่ที่ได้รับการผสมน้ำเชื้อจะมีลักษณะใสวาว ๆ สีเหลือง ส่วนไข่ที่ไม่ได้รับการผสมจะมีสีขาวขุ่น


วันอังคารที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2556

อาหารของปลาทอง

ในการเลี้ยงปลาทองนั้นหลาย ๆ คนอาจจะมีคำถามว่าจะใช้อาหารอะไรเลี้ยงปลาทองจึงจะเหมาะสมที่สุด ในการเลี้ยงปลาทองของแต่ละคนมีวิธีเลี้ยงที่แตกต่างกัน และมีวัตถุประสงค์ในการเลี้ยงที่แตกต่างกันด้วย ดังนั้นต้องถามตัวเองก่อนว่า เลี้ยงปลาทองเพื่ออะไร ? เลี้ยงไปทำไม ? 

สำหรับอาหารของปลาทองนั้น แบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่
1. อาหารที่มีชีวิตหรืออาหารสด

ไรแดง เป็นอาหารสำหรับการอนุบาลลูกปลาวัยอ่อนหรือให้ปลาโตกิน มีทั้งมาจากการเพาะเลี้ยงและมาจากแหล่งน้ำธรรมชาติ ส่วนใหญ่จะมาจากแหล่งน้ำธรรมชาติ ก่อนจะให้ปลากินควรล้างทำความสะอาดให้ดีเสียก่อน ไรแดงมีชีวิตอยู่ได้ประมาณ 2 วัน หรือถ้าหากต้องการเก็บรักษาไว้ใช้นาน ๆ ก็นำไปแช่ช่องฟรีช

ไรแดง


ลูกน้ำ เป็นอาหารชั้นเลิศที่ผู้เพาะเลี้ยงต่างเสาะหามาให้ปลาของตนเองกิน เป็นอาหารที่มีโปรตีนสูง ย่อยง่าย ปลากินแล้วโตเร็ว แต่มักจะมีปัญหาเรื่องของเชื้อโรค เพราะลูกน้ำมักเกิดในแหล่งน้ำที่สกปรก เพราะ ฉะนั้น ก่อนนำมาให้ปลากิน ควรล้างทำความสะอาดให้ดีเสียก่อน

ลูกน้ำ


หนอนแดง เป็นอาหารที่นิยมใช้ในการเลี้ยงปลาทอง เพราะ เชื่อกันว่ามีสารเร่งสีตามธรรมชาติอยู่ในตัว เนื่องจากเป็นอาหารที่มาจากแหล่งน้ำธรรมชาติเหมือนกับลูกน้ำและไรแดง ก่อนำมาใช้ต้องล้างทำความสะอาดให้ดีเสียก่อน แต่ในปัจจุบันผู้ผลิตอาหารปลาหลายรายนำหนอนแดงสด มาฆ่าเชื้อโรคด้วยโอโซนและแพ็คด้วยกระดาษฟอยด์ สามารถเก็บรักษาไว้ได้นานด้วยการแช่แข็ง

หนอนแดง


ไรทะเล เป็นอาหารสดที่ค่อนข้างสะอาด เพราะอาศัยอยู่ในน้ำเค็ม แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเชื้อโรค เพราะ บางครั้งเชื้อโรคอาจมาจากการใช้กระชอนที่ไม่สะอาดตักไรทะเลให้ปลากิน หรือใส่ในภาชนะที่ไม่สะอาด ส่วนใหญ่ไรทะเลจะมาจากการเพราะเลี้ยงทั้งนั้น การเก็บรักษาไรทะเลก็ทำเหมือนกับการเก็บไรแดง แต่เพียงใส่เกลือลงไปในน้ำเพื่อให้มีความเค็ม

ไรทะเล


ไส้เดือนน้ำ เป็นอาหารที่มาจากแหล่งน้ำธรรมชาติมีโปรตีนสูงพอสมควร แต่ไม่ค่อยมีใครนิยมนำมาใช้เลี้ยงปลาทองเพราะไส้เดือนตายง่าย และสกปรก การเก็บรักษาค่อนข้างยุ่งยาก เพราะต้องใส่ภาชนะที่มีน้ำไหลผ่านตลอดเวลาหรืออาจต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำบ่อยจึงจะมีชีวิตอยู่ได้นาน

ไส้เดือนน้ำ


2. อาหารสำเร็จรูป 

อาหารสำเร็จรูปในปัจจุบันมีมากมายหลากหลาย ยี่ห้อ ราคาก็แตกต่างกันแต่ละยี่ห้อก็จะมีสารอาหารไม่เท่ากัน ส่วนใหญ่จะมีแป้งเป็นส่วนผสมหลัก จึงทำให้ปลามีการเจริญเติบโตได้ช้า แต่ก็เหมาสำหรับคนที่ไม่มีเวลา

ตัวอย่าง อาหารสำเร็จรูป

ยี่ห้อ คันโช
ยี่ห้อ ซากุระ
ยี่ห้อ ฮิคาริ






วันจันทร์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ภาชนะที่ใช้เลี้ยงปลาทอง

สำหรับภาชนะที่นิยมใช้เลี้ยงปลาทองนั้น โดยหลักก็จะมีอยู่ 3 ชนิดที่นิยมใช้กัน คือ ตู้ปลา, อ่างปลา และบ่อปลา ซึ้งทั้ง 3 ชนิดนี้ก็มีความแตกต่างกันในการเลี้ยงปลาทอง นอกจากนั้นภาชนะที่ใช้เลี้ยงปลาทองทั้ง 3 ชนิดนี้ก็จะส่งผลต่อลูกร่างลักษณะของปลาทองด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะใช้ภาชนะอะไรเลี้ยงปลาทองก็ควรคำนึงถึง สถานที่ เป็นสำคัญ

1.ตู้ปลา ถือเป็นภาชนะที่ได้รับความนิยมมากที่สุด สำหรับนักเลี้ยงปลาทองทั่ว ๆ ไปอาจเป็นเพราะความสะดวกในการหาซื้อได้จากร้านค้าปลาสวยงามทั่วไป อีกทั้งมีราคาที่ไม่แพง มีรูปแบบที่หลากหลายและสวยงาม สามารถนำไปตั้งประดับตามมุมต่าง ๆ ของบ้านได้ ดังนั้นตู้ปลาจึงเป็นอุปกรณ์เลี้ยงปลาที่นักเลี้ยงปลานิยมกัน

ตู้ปลา

2.อ่างปลา อ่างปลาที่นิยมใช้กันมีอยู่ 2 ชนิด คือ อ่างซีเมนต์กับอ่างไฟเบอร์กลาส

2.1 อ่างซีเมนต์ จะมีรูปทรงทั้งเป็นแบบวงกลม และสีเหลี่ยม ซึ่งแบบกลมเราจะเรียกว่า รองกลม หรือ รองส้วม สำหรับอ่างปลาแบบซีเมนต์นี้จะได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ที่เพาะเลี้ยงเชิงพาณิชย์มากกว่าผู้ที่เลี้ยงสวยงาม เพราะอ่างประเภทนี้จะมีราคาถูก แต่ข้อเสียของอ่างประเภทนี้ คือ น้ำหนักมากเคลื่อนย้ายลำบาก

อ่างซีเมนต์


2.2 อ่างไฟเบอร์กลาส มีทั้งรูปทรงสี่เหลี่ยมและวงกลมและรูปทรงอื่น ๆ แล้วแต่แบบที่ดีไซด์กันขึ้นมา อ่างชนิดนี้ มีข้อดูคือ น้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายง่าย ทำความสะอาดง่าย แต่ข้อเสีย คือ ราคาแพง ดังนั้นฟาร์มปลาส่วนใหญ่จึงไม่นิยมใช้กัน แต่กลุ่มผู้ที่เลี้ยงระดับประกวดนิยมใช้อ่างแบบนี้

อ่างไฟเบอร์กลาส


http://www.thaigoodview.com/node/101669